รถยนต์ติดแก๊ส lpg คันที่ 2 ติดตั้งระบบแก๊ส lpg กันเอง โดยพรรคพวกผมที่มีฝีมือทางช่างเป็นคนติดตั้ง โดยมีผมเป็นลูกมือ คันนี้เลยครับ ทำเอาผมกับแฟนเกือบตาย แต่ก็ยังใช้กันอยู่ พอรู้จุดบกพร่องแล้วก็พอเล่นกันได้ครับ
ก่อนที่จะเข้าไปสู่เนื้อเรื่อง ผมขออารัมภบทด้วยการเล่าไปเรื่อย ๆ คล้ายการชักแม่น้ำทั้ง 5 ก่อนจะวกเข้าสู่ประเด็นสำคัญของเรื่อง แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ประเด็นต่าง ๆ ที่ผมนำเสนอ มีข้อให้ขบคิดอยู่มากมาย ขอบอก
คนเราทุกคน หลีกไม่พ้นความตาย สัจธรรมอันจริงแท้แน่นอน บางคนตายตั้งแต่เล็ก บางคนตายตอนกำลังทำงานรุ่ง ๆ บางคนก็มาหมดบุญเมื่อเข้าวัยชรา กำหนดการตายของแต่ละคนไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่าเป็นไปตามโชคชะตากำหนด ไม่มีใครไปห้าม หรือยื้อยุดฉุดไม่ให้ตายได้ การตายนี้ มนุษย์ไม่รู้ว่า เมื่อตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มนุษย์มีความคิดสติปัญญาล้ำเลิศกว่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในโลกนี้ มนุษย์มีจินตนาการ นึกคิดสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นจริง และสิ่งเพ้อฝันล้วน ๆ เลยก็ได้ จินตนาการไร้พรมแดน ไม่มีจุดสิ้นสุด สามารถคิดจินตนาการว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในที่ไกลโพ้นนอกจักรวาล รู้ว่าสวรรค์มีสภาพความเป็นอยู่ยังไง เทพ เทวดาใช้ชีวิตประจำวันกันยังไง แม้กระทั่งที่ที่คนไม่อยากไปที่สุด กลัวว่าทำบาปแล้วจะต้องไปอย่างนรก ก็ยังอุตส่าห์จินตนาการไปถึง ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชังใด ๆ ทั้งสิ้น ในเรื่องการตายก็เช่นเดียวกัน อย่าหวังว่าจะรอดจากจินตนาการของมนุษย์ไปได้ มีคนหลายคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ออกมาเล่าให้คนทั่วไปฟังว่า ตนเคยตายไปแล้ว ไปเจอนั่นเจอนี่มากมาย แต่ว่าในท้ายที่สุด เนื่องจากตนยังไม่ถึงที่ตาย จึงสามารถกลับมามีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์ได้ต่อไป
นรก คนโดนต้มในกระทะทองแดง
ภาพที่นำเสนอนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่หยิบยกมาเพื่อสร้างเสริมจินตนาการไปด้วยกัน ต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บ หรือผู้บริหารเว็บ เจ้าของรูปภาพด้วย ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพเชิญดูได้ที่ลิงค์ : https://lifestyle.campus-star.com/scoop/7242.html
จินตนาการเรื่องราวต่าง ๆ ที่กล่าวมา บางเรื่องรับรู้กันอย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องแต่ง หรือจินตนาการขึ้นมาล้วน ๆ บางเรื่องราวมีเค้ามูลมาจากความจริง เรื่องจริงบ้างแต่งบ้างนี้ เมื่อผสมปนเปกันอาจกลายเป็นความเชื่อว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ถ่ายทอดเล่าขานสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่นจนถึงปัจจุบัน มนุษย์เชื่อตามข้อมูลที่ได้รับมาเหล่านั้นแค่ไหน สิ่งที่เราเชื่อทั้งหมดไม่ว่าเรื่องนรก สวรรค์ ชาติปางก่อน ฯลฯ ที่เราเชื่อว่ามีจริงนั้น น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ของความไม่เชื่อปนอยู่พอสมควร ทำไมผมถึงบอกอย่างนั้น ก็เพราะคนที่ไปพบเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ล้วนเป็นคนที่ต้องเลย (ตาย) ไปแล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครได้ย้อนกลับมาเป็นคนอีก จะบอกเล่าเรื่องราวที่เห็นมาให้ใครรับรู้ก็ไม่สามารถทำได้ กรณีที่เล่าว่าตายแล้วกลับมาได้เพราะยังไม่ถึงเวลา หรือยังไม่ตาย แต่เล่าว่าเคยไปดินแดนคนตาย (เรื่องเล่าลักษณะนี้ เป็นเรื่องน่าฟัง แปลกใหม่ มีเล่ากันในหลายลัทธิความเชื่อ หลายศาสนา คนจำนวนมากชอบฟัง ส่วนใหญ่เรื่องที่เล่า จะสัมพันธ์โดยตรงกับความเชื่อของคน ๆ นั้น ที่มีมาแต่ต้นก่อนที่จะตาย หรือก่อนที่จะเดินทางไปดินแดนคนตาย นับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็จะเล่าเนื้อหามีความสัมพันธ์กันกับสิ่งที่ตนเคยเชื่อ เช่น ได้เห็นยมทูต ได้เห็นกระทะทองแดง หรือได้เห็นทูตสวรรค์ ฯลฯ หลังจากฟื้นขึ้นมา หรือกลับจากดินแดนคนตาย มีโอกาสจึงมาเล่าให้ฟัง อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ หรือมีวิจารณญานไปในทางใด ผมว่าถ้าฟังแล้วทำให้เรามีสำนึกที่ดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ย่อมถือว่าเรื่องเล่าเหล่านี้เป็นเรื่องเล่าที่ดี) น่าจะเป็นกรณีที่ยังไม่ตายแล้วเกิดจินตนาการเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้น แล้วนำเรื่องมาเล่าให้คนทั่วไปฟังมากกว่า (เรื่องจินตนาการ ความคิดฝันต่าง ๆ เหล่านี้ หากเราไม่มีสติปัญญาแยกแยะ เราอาจไม่รู้เลยว่า อะไรเป็นจินตนาการ เป็นความฝัน แล้วอะไรที่เป็นความจริง ยังดีที่มนุษย์เรามีความสามารถแยกแยะจินตนาการ ความฝัน กับความจริงได้อย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นยุ่งตายเลย) แล้วอีกอย่าง การตายไปอาจจะเป็นการหายสาบสูญไปเลยก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องมีวิญญานล่องลอยไปนรก สวรรค์ หรือที่ใด ๆ ตามที่เคยมีความเชื่อเสมอไป เมื่อคนที่เลยไปไม่เคยมีใครย้อนกลับมาได้ ไม่สามารถมายืนยันในสิ่งที่ตนได้รู้เห็นมา หรือในกรณีที่ยังไม่ตาย แต่ยืนยันว่าไปเยือนดินแดนคนตายมาแล้ว ไอ้การรู้เห็นเรื่องหลังความตายนี่ มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนที่เห็น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ของคนโดยทั่วไป คนที่พบเห็นด้วยตัวเองเท่านั้น จึงจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น ถ้าเอาเรื่องที่ตัวเองเห็นไปเล่าให้คนอื่นฟัง เค้าไม่มีทางเชื่อ หรือเชื่อได้ก็ยากมาก อาจคิดเลยเถิดไปว่า คนพูดท่าทางน่าจะติงต๊องไปซะแล้ว เอาเรื่องอะไรมาเล่าก็ไม่รู้ สงสัยนอนหลับแล้วฝันไปมั้ง (คล้ายกับการเห็นผี คนที่เห็นผีคนเดียวที่เชื่อว่า ตนเห็นผี เล่าให้ใครฟังเมื่อไหร่ ไม่มีใครเชื่อ หรือเชื่อยาก เพราะคนที่รับฟังไม่เคยเห็น คุณจะสาบถสาบาน คุณจะอ้างอิงพยานหลักฐานยังไงเค้าก็ยังคง ไม่เชื่อ หรือเชื่อยากอยู่ดี) ผมพอจะสรุปได้ว่า ไม่เคยมีใครรู้จริง ๆ ว่า ตายแล้วจะไปไหน หรือเป็นยังไงต่อไป ถ้าคนเรารู้แน่นอนว่า ตายแล้วจะไปไหน จะไปทำอะไรต่อไป ได้ไปอยู่บนสวรรค์ ได้ไปอยู่ดินแดนสุขาวดี หรือที่ไหนที่เราเคยคิดใฝ่ฝันอยากจะไป คล้ายกับที่เรารู้แน่นอนว่า ถ้าขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีนี้ เดี๋ยวก็ถึงสถานีที่เราอยากจะไป ขึ้นนั่งเครื่องบินที่นี่ เดี๋ยวก็ไปถึงประเทศที่เราอยากจะไป คงมีคนไม่น้อยทำให้ตัวเองตายเพื่อเดินทางไปสู่จุดหมายดังกล่าว
ผีผู้หญิง
ภาพที่นำเสนอนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่หยิบยกมาเพื่อสร้างเสริมจินตนาการไปด้วยกัน ต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บ หรือผู้บริหารเว็บ เจ้าของรูปภาพด้วย ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพเชิญดูได้ที่ลิงค์ : https://shock.mthai.com/scare-shock/2379.html
ในเมื่อมนุษย์ยังคงไม่รู้ความจริงว่า ตายแล้วจะไปไหน จะเป็นอะไร ต้องทำอะไรต่อไป มนุษย์จึงหวงการมีชีวิตอยู่ อย่างน้อย ๆ ระหว่างที่มีชีวิต ก็ยังมีความสุขกันไปตามอัตภาพ มีเรื่องอึดอัดคับข้องใจส่วนใหญ่ก็แก้กันไป อาจมีบ้างบางคนที่ไม่อยากอยู่ อยากล่วงหน้าไปก่อน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวการณ์ของชีวิต บางคนป่วยหนัก กลัวว่าจะเป็นภาระของลูกหลานต้องคอยดูแล บางคนถูกหลอกเอาทรัพย์สินไปจนเกลี้ยง ตัวเองแทบต้องแย่งข้าวสุนัขรับประทาน ไม่อยากฝืนตัวอยู่ในภาวะเช่นนั้นอีกต่อไป คนเหล่านี้ก็จะสรรหากรรมวิธีที่จะตาย แล้วก็ดำเนินการตามแผน หายจากโลกไปด้วยการทำให้ตัวเองตายสมใจ (จากการสังเกตเรื่องราวความเป็นไปของมนุษย์ คนจะฆ่าตัวตายก็ต่อเมื่อยังคงมีความคิดสติปัญญาเป็นปรกติ เพียงแต่คน ๆ นั้น หมกมุ่นครุ่นคิดแต่ว่า ตนเจ็บป่วยมานาน ลำบากเหลือเกิน หรือมีปัญหานานาประการ ไม่มีหนทางใดที่จะแก้ปัญหาได้ เช่น กำลังจะติดคุก กำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย ฯลฯ เมื่อคิดมากเข้า ความไม่อยากมีชีวิตอยู่ก็จะมีมากขึ้น ชักนำไปสู่ขั้นดำเนินการให้เป็นจริงขึ้นมา น่าแปลกสำหรับคนที่ไม่มีความคิด หรือสติปัญญาเช่นคนปรกติ เช่น คนปัญญาอ่อน คนวิกลจริตจิตฟั่นเฟือน รวมไปถึงสัตว์ต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตที่เราว่าเค้าต่ำชั้นกว่าเรา ความคิด สติปัญญา เทียบกับมนุษย์ไม่ได้ กลับไม่เคยมีความคิดฆ่าตัวตายแฝงตัวอยู่ในหัวสมองเลย) แต่ปริมาณคนเหล่านี้ เมื่อเทียบกับคนที่อยากมีชีวิตอยู่ นับว่ามีจำนวนน้อยนิดมาก
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่หวงแหนอยากมีชีวิตอยู่ เพราะรู้สึกว่า โลกเราช่างมีสิ่งน่าเรียนรู้ น่าเสาะแสวงหาเต็มไปหมด หากเราต้องจากไป ทั้งที่ความบันเทิงยังคงรอเราอยู่อีกเพียบอย่างนี้ มันน่าเสียดายเกินไป ในบทความนี้ ผมเล่าให้คุณฟังประสบการณ์เกือบตายของผมกับแฟนให้คุณได้รับรู้ ซึ่งผมเชื่อว่า คุณจะได้ยินได้ฟัง หรือรับรู้จากคนอื่นได้ยากมาก เพราะคนที่อยากจะเล่าให้ฟัง ล้วนแต่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ไม่ทันมีโอกาสได้เล่าสู่กันฟัง เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ผมกับแฟนพูดได้เต็มปากว่า เป็นผู้รอดจากเหตุการณ์วิกฤติอย่างไม่น่าเชื่อ (จริง ๆ น่าจะไม่รอดแล้ว) พระเจ้ายังไม่ให้ผมกับแฟนล่วงหน้าไป พระองค์ยังคงมีภารกิจมอบหมายให้ผมกับแฟนทำต่อ สิ่งนั้นคืออะไรหรือครับ ก็หน้าที่ถ่ายทอดประสบการณ์เฉียดตายให้คนทั่วไปรับรู้ จะได้ไม่เลียนแบบไง สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ เมื่อคุณอ่านเสร็จได้ข้อมูลครบถ้วน ขอให้คุณเก็บไว้เป็นอุทธาหรณ์เตือนใจ จะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์อย่างที่ผมกับแฟนเจอมาด้วยกัน ผมขอตักเตือนไปยังผู้ใช้แก๊ส lpg เป็นเชื้อเพลิงรถ ให้ใส่ใจระมัดระวังให้มากในการติดตั้งแก๊ส lpg กับรถยนต์ของคุณ ดังเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้
กาลครั้งหนึ่งยังไม่นานเท่าไหร่ ผมอยากให้รถคันที่ 2 ที่ยังไม่ติดตั้งระบบแก๊ส ได้ติดตั้งระบบแก๊ส lpg ผมไม่มีปัญหาในการพิจารณาว่า อยากจะติดตั้งแก๊สระบบอะไร เพราะผมเคยใช้มาแล้วทั้ง 2 ระบบ (รถคันแรกที่ผมติดตั้งแก๊ส ผมติดตั้งแก๊ส ngv ด้วยเหตุผลคุณความดีสารพัดตามแต่ที่เค้าจะโฆษณากัน เช่น แก๊สเบากว่าอากาศ เกิดแก๊สรั่วเมื่อไหร่ มันลอยขึ้นบนอากาศ โอกาสที่จะเกิดประกายไฟจนไปติดแก๊สจะเกิดขึ้นยาก แต่ถ้าเป็นแก๊ส lpg จะหนักกว่าอากาศ เกิดการรั่วมีโอกาสไหลลงพื้น มีโอกาสพบกับประกายไฟทำให้เกิดไฟลุกไหม้เป็นอันตรายได้มากกว่า ราคาของแก๊ส ngv ก็ถูกกว่ากันถึงลิตรละ 3 บาท แต่อนิจจา คุณความดีของทุกสิ่ง มักจะไม่มาเพียงอย่างเดียว มันมักมาพร้อมข้อด้อยอีกนานัปการ เช่น แก๊ส ngv มีสถานีบริการน้อย (รัฐบาลกระตุ้นให้ชาวบ้านใช้แก๊ส ngv แต่ไม่ได้เพิ่มสถานีบริการเติมแก๊สให้เพียงพอกับผู้ใช้ จะเติมแก๊สทีเลือดตาแทบกระเด็น ออกต่างจังหวัดแทบไม่มีสถานีบริการ อย่างนี้ ให้คุณกระตุ้นให้ตายก็ไม่มีทางเพิ่มจำนวนคนใช้แก๊ส ngv ให้เยอะขึ้นมาได้) เทียบไม่ได้เลยกับแก๊ส lpg เมื่อสถานีบริการมีน้อย ผู้ใช้แก๊ส ngv ก็จะต้องรุมกันมาเติม การเติมแก๊สใส่รถแต่ละคันใช้เวลานาน พอรถเข้ามาเติมมากเข้า หัวจ่ายแก๊สทุกหัวต้องเติมแก๊สให้ลูกค้าทุกคัน รถที่จ่อเตรียมเติม ก็ต้องรอจนคันที่เติมอยู่ก่อนเติมเสร็จ ถึงจะเข้ามาจ่อหัวเติมได้ การรอเติมแก๊สนั้น พอรถมากเข้าก็ต้องต่อแถวกันยาว สถานีแก๊สบางสถานีต่อแถวยาวกันเป็นกิโล แล้วระหว่างรอ เกิดทางปั๊มพ์มีปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งแก๊ส ขณะกำลังรอเติมแก๊สมาได้พักนึง จู่ ๆ เด็กอาจมาบอกว่า "พี่ แก๊สหมด ต้องขอโทษด้วยนะครับ" ตอนนั้นอารมณ์คุณอาจพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเลยว่า "โอ้โห นี่มึงปล่อยให้กูรอมาเกือบชั่วโมง แล้วมาบอกแก๊สหมดเนี่ยนะ (ขออภัยที่ต้องใช้ภาษาไทยเดิม ต้องการอารมณ์ที่สมจริง) แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย แก๊สก็กำลังจะหมด ดันต้องขับรถไปเติมอีกปั๊มพ์ห่างตั้ง 15 กิโล แน่ะ" นั่นแหละ หน้าที่ของคุณก็ต้องไปหาปั๊มพ์แก๊สใหม่เติมตามระเบียบ ปั๊มพ์แก๊สแต่ละปั๊มพ์อยู่ห่างกันน่าดู ถ้าคุณมาเติมตอนแก๊สใกล้จะหมด โอกาสที่คุณต้องสลับใช้น้ำมันไปเติมแก๊สที่ปั๊มพ์ใหม่มีสูง รถยนต์แต่ละคันเติมแก๊สได้แค่ 100 กว่าบาท ประมาณ 10 กก. หรือ 10 ลิตร ซึ่งน้อยมาก ขับไปได้พักนึงใกล้จะหมดก็ต้องเติมอีกแล้ว นอกจากเรื่องเติมแก๊สได้น้อยแล้ว ความดันของแก๊ส ngv ยังสูงกว่าแก๊ส lpg มาก ถังแก๊สที่นำมาใช้บรรจุแก๊ส ngv จึงต้องใช้ถังใหญ่ หนา และหนักกว่าถังแก๊ส lpg มาก เมื่อปริมาณแก๊สที่เติมบรรจุได้น้อย ทำให้ต้องเติมแก๊สบ่อย บางวันอาจต้องเติมแก๊สถึง 3 ครั้ง เสียเวลาเป็นบ้า ถ้าคุณเดินทางไกลหลายร้อย กม. คุณต้องเติมแก๊สบ่อยอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว เมื่อรู้เช่นเห็นชาติกันขนาดนี้ ผมถึงฟันธงว่า แก๊ส lpg เหมาะกับผมที่สุด
บังเอิญว่าผมมีเพื่อนอยู่คนนึง เค้ามีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ เครื่องยนต์ ค่อนข้างมาก เคยถอดอุปกรณ์แก๊สออกจากรถมาเยอะ แต่ไม่เคยได้ติดตั้งเข้าไป พอดีอยากจะลองติดตั้งแก๊ส lpg ใส่ทั้งรถของผมกับของเค้าดู รถคันที่ 2 ของผมที่ยังไม่ติดตั้งแก๊ส lpg ก็เหมาะเหม็งพอดี กำลังคิดอยากติดตั้งแก๊ส lpg อยู่ ได้จังหวะอย่างนั้นพอรถผมพร้อมก็เลยทำการติดตั้งแก๊ส lpg กันเลย ผมกับเพื่อนไปหาซื้ออุปกรณ์แก๊ส lpg มาครบชุด ดำเนินการติดตั้งถังแก๊ส เดินท่อแก๊ส เดินระบบไฟ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็เสร็จ แต่เนื่องจากเพื่อนผมปรับจูนแก๊สยังไม่ชำนาญ จึงต้องไปปรึกษาผู้รู้ตามอู่แท็กซี่มั่ง ร้านติดตั้งแก๊สที่รู้จักกันมั่ง เอาความรู้ที่ได้มาปรับจูนแก๊สให้สามารถขับรถได้ตามปกติ เบาก็ไม่ดับ ขับได้สบาย ๆ
ผมใช้รถคันที่ 2 นี่นานหลายปี ระหว่างใช้มันก็มีปัญหาเกี่ยวกับการเบาดับมั่ง เครื่องทำงานไม่สะดวกมั่ง ก็เป็นธรรมดาของรถ ไม่ว่ารถเก่า หรือรถใหม่ มันก็ต้องซ่อมไปใช้ไปทั้งนั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ มาเกิดปัญหาใหญ่เอาเมื่อประมาณต้นปี 2554 นี่เอง ตัวผมกับแฟนเกือบเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ แต่ที่รอดตายมาได้ ถ้าคุณได้อ่านจนรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว คุณอาจคิดว่า ผมกับแฟนรอดตายมาได้ยังไง รอดได้อย่างกับมีปาฏิหาริย์ บางคนอาจว่ารอดได้ด้วยความบังเอิญ หรือบางคนอาจว่ารอดได้ด้วยดวงดีสุด ๆ อันนี้ผมไม่อาจทราบได้ ตามแต่แต่ละคนจะคิดกันไปก็แล้วกัน สำหรับตัวผมกับแฟนนับถือศาสนาคริสต์ มีพระเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เชื่อว่า ที่มีชีวิตรอดมาได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ด้วย "พระเจ้าช่วย" ทำให้ผมกับแฟน ยังคงมีลมหายใจกันมาถึงทุกวันนี้ เรามาย้อนเหตุการณ์จริงในวันนั้นกันเลยครับ
พระเยซูพระบุตรพระเจ้า
ภาพที่นำเสนอนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่หยิบยกมาเพื่อสร้างเสริมจินตนาการไปด้วยกัน ต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บ หรือผู้บริหารเว็บ เจ้าของรูปภาพด้วย ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพเชิญดูได้ที่ลิงค์ : http://www.salit.org/web/born%20jesus/part23.html
ผมกับแฟนมีบ้านพักอยู่ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่ทำงานผมอยู่กรุงเทพฯ (ตอนที่เขียนนั้นทำงานอยู่กรุงเทพฯ ปัจจุบัน (2561) อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม) ส่วนใหญ่เมื่อผมไปทำงานเสร็จกลับมาบ้านตอนเย็น ก็มักจะรับแฟน แล้วก็ไปหาแม่ผมที่บ้านเกิดของผมที่อยู่ อ.เมือง จ.นครปฐม หาข้าวกินกัน หรือไม่ก็ไปดูหนัง หนังนี่ผมดูทุกเรื่องที่เข้าฉายเลยนะ ดูจนไม่มีโปรแกรมจะดูู ทำไมผมถึงดูหนังทุกเรื่องขนาดนั้น ก็เพราะผมดูหนังที่บ้านไม่ได้ไง หนัง 1 เรื่อง ถ้าผมเปิดดูที่บ้านดูไป 5 ครั้ง หนังยังฉายได้ไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย ส่วนใหญ่จะหลับให้หนังดูไปก่อนแล้ว มันจึงจำเป็นที่จะต้องไปนั่งดูที่โรงหนัง ที่ผมพาแม่ไปดูหนังด้วยเนี่ยะ เพราะผมพาแกไปดูนานหลายปีมาแล้ว หลัง ๆ พาแกไปดูหนังแกแทบจะหลับทุกเรื่อง (ปัจจุบันแม่อายุ 83 แล้ว(ไม่ได้ไปดูแล้ว เดินไม่ไหว) ตอนที่ยังดูหนังบ่อย ๆ แกอายุประมาณ 78 ปี ส่วนใหญ่เวลาดูหนังแกก็จะหลับที่โรงหนังนั่นแหละ แต่แปลกที่เวลาอยู่บ้านแกมักจะบอกว่า "นอนไม่หลับ") แกจะไม่หลับเฉพาะเรื่องที่ผมดูแล้วผมอยากจะหลับ แต่แกจะสนุกของแกมาก ผมกับแฟนจะงงว่า "อ้าว เรื่องนี้แกตื่นด้วยเรอะ เห็นหลับทุกเรื่อง" นี่ก็คือมุมมองของคนต่างยุคที่ไม่เหมือนกันอย่างแรง แล้วอีกเรื่องนึง เรื่องกินเนี่ย ถ้าแม่ผมกินอร่อยนะ ผมกับแฟนเตรียมบ่นได้เลย แต่ถ้าผมกับแฟนกินอร่อย แกจะบ่นอุบเลยว่าไม่ได้ความ มันก็แปลกนะ แม่กับลูกแท้ ๆ มุมมอง ความชอบของใกล้ตัว ทำไมบางทีมันต่างกันฟ้ากับเหวอย่างงี้ก็ไม่รู้ ที่ผมว่า ไม่พาแม่กับแฟนไปดูหนังก็ไปหาอะไรกิน มันเป็นเหตุการณ์ประจำวันเลย ในวันที่เกิดเหตุใหญ่ที่ผมกับแฟนเกือบตายนั่น ผมก็พาแม่กับแฟนไปหาอะไรกินกันเสร็จแล้ว ในวันนั้นไม่มีโปรแกรมหนังจะดู ฝนก็ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว ผมกับแฟนเลยตกลงกันว่ากลับบ้านดีกว่า ตอนนั้นก็ประมาณซัก 2 - 3 ทุ่มเอง ผมขับรถติดตั้งแก๊ส lpg คันที่ 2 พาแฟนกลับบ้านทางซอยวัดไผ่ล้อม (วัดหลวงพ่อพูล) ไปตามทางที่ทะลุไปโผล่ห้างบิ๊กซีนครปฐมได้ ขณะขับรถไปเรื่อย ๆ ผมเห็นชักไม่เข้าท่า ถนนเต็มไปด้วยน้ำขัง บางช่วงขังสูงมาก เรื่องน้ำขังนี่ เป็นธรรมดาของเขต อ.เมืองนครปฐม เลย เวลาฝนตกลงมาหนัก ๆ น้ำระบายไม่ทันก็ท่วมขัง รอพักนึงก็จะแห้งไปเอง ไม่เคยท่วมขังนาน ๆ บังเอิญตอนนั้นฝนมันตกหนักใหม่ ๆ แล้วยังตกพรำไปเรื่อย น้ำเลยขังสูงกว่าปรกติ ช่วงโค้งก่อนถึงห้างบิ๊กซีประมาณ 100 เมตร น้ำขังลึกน่ากลัว ผมไม่อยากขับลุยไปกลัวพลาดท่าเดี๋ยวเครื่องดับงานเข้ากันพอดี เลยขับหลบเข้าไปทางหลังตลาดปฐมมงคล พอเลี้ยวเข้าไปเท่านั้นแหละ ให้รู้สึกปวดฉี่อย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ฝนตกพรำผมก็ไม่สนแล้ว เปิดประตูรถออกมาก็เดินไปช่วงท้ายรถยืนฉี่แทบไม่ทัน ตอนยืนฉี่นี่ อาการแปลกประหลาดก็โถมเข้าใส่ หลายคนคงเคยมีอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมใช่มั้ย อาการมันจะเวียนหัวฟ้าเหลืองหน้ามืดต้องก้มตัวลงนั่งหรือนอนซักพัก ไม่งั้นอาจจะล้มลงได้ พอนอนเฉยซักพักอาการก็จะดีขึ้น กลับสู่ภาวะปรกติถูกมั้ยครับ แต่ไอ้อาการที่ผมบอกว่าแปลกนี่ ผมไม่เคยเป็นจริง ๆ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละ อาการที่เป็นมันคืออาการเดียวกับตอนหน้ามืดจะเป็นลมยังไงยังงั้น แต่ของผมมันหน้ามืดจะเป็นลมหมุนติ้วตลอดเป็นเวลานานเลย ผมทนต่อไปไม่ไหวทั้ง ๆ ที่ถนนเปียกน้ำไปหมดเพราะฝนยังตกพรำอยู่ ผมล้มตัวลงนอนหงายแผ่สองสลึงกับพื้นถนนที่หลังรถอย่างไม่อายใครเลย นอนอยู่ได้พักนึง ฝืนลุกขึ้นมาทั้งที่ยังเวียนหัวเหมือนจะเป็นลมอยู่นั่นแหละ เปิดเข้าไปในรถพยายามขับต่อ คิดอยู่อย่างเดียวว่า ต้องขับรถกลับบ้านนครชัยศรีให้ได้โดยเร็วที่สุด ผมขับรถด้วยอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมไปอย่างงั้น ด้วยสติที่ยังคงดีอยู่อีกนิดหน่อยนั่นแหละ คิดขึ้นมาได้ว่า อาการแบบนี้ผมไม่เคยเป็นเลย ต้องบอกแฟนผมแล้ว เผื่อจะช่วยกันได้ พอหันไปที่แฟนเรียก "เฮ้ย ไอ้เตี้ย (แฟนผมชื่อนกเอี้ยง แต่ผมตั้งชื่อให้หลายชื่อ ชื่อเตี้ย ชื่ออ้วน และอ้วนหมูสับ ฯลฯ ตามแต่ขณะนั้นผมอยากจะเรียกว่าอะไร) อั๊วไม่ไหวแล้วนะโว๊ย" อ้าว แฟนผมเป็นอะไรไปล่ะนั่น เห็นนั่งหลับตาอ้วกพุ่งอย่างกับคนไปรักษาอาการติดยาที่ถ้ำกระบอกแน่ะ ผมคิด "อ้าว บรรลัยแล้วไง นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย" เหตุการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้น ผมคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ ทำได้ก็เพียงฝืนขับรถไปทั้งที่มีสติเหลืออยู่ริบหรี่ คิดเพียงว่า "ต้องกลับบ้านให้เร็วที่สุด" สติตอนนั้นไม่มีจริง ๆ แล้วก็ไม่รู้เลยด้วยว่าตัวเองเป็นอะไร ผมฝืนขับรถจากตลาดปฐมมงคลเข้าถนนเพชรเกษม ขับมุ่งหน้าไปทางนครชัยศรี ต้องผ่านไฟแดงตรงทุ่งพระเมรุผมก็ยังฝืนผ่านไปได้นะ ยังขับแบบค่อย ๆ คลานไปตามถนนเรื่อย ๆ ความคิดมุ่งจะกลับบ้านอย่างเดียว ขับไปได้อีกไม่กี่ร้อยเมตร สติที่เหลืออยู่น้อยก็ไม่สามารถฝืนได้อีกต่อไป ฉากสุดท้ายที่เห็นก่อนจะหลับก็คือ พอผมขับรถไปตามถนนเพชรเกษมถึงทางแยกที่เป็นทางตัดเชื่อมไปที่สะพานซอย 7 มีรถเสียคันนึง จอดอยู่บนถนนเพชรเกษมตรงหัวมุมแยกนั้นพอดี ผมเห็นคนเดินแถว ๆ รถนั่นหลายคน ผมขับรถเข้าไปต่อท้ายเกือบติดรถเค้าซะอย่างงั้น ทั้งที่ถนนว่างโล่งไปหมดเพราะเป็นตอนกลางคืน การสัญจรก็เบาบางแล้ว ใครอยากจะจอดรถตรงไหนก็คงไม่มีใครยุ่ง พอจอดต่อท้ายรถเค้าเสร็จด้วยความที่คุมสติไม่ได้แล้ว จะขับรถหลีกรถที่จอดเสียอยู่ก็ทำไม่ได้ จะถอยเพื่อจะเดินหน้าหลีกรถที่จอดเสียก็ทำไม่ได้ ตอนนั้นหมดปัญญาเอาจริง ๆ ฝืนต่อไปไม่ไหว เอาหัวพิงที่นั่งแล้วก็คงจะหลับเกือบ ๆ หมดสติไปเลย ผมกับแฟนหลับไปขณะที่รถก็ยังติดเครื่องอยู่อย่างนั้น ผมคงหมดสติไปพักนึง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังเอะอะ มีคนมาเปิดประตูรถแล้วช่วยหิ้วปีกผม สอบถามข้อมูลต่าง ๆ กันยกใหญ่ว่า ผมเป็นใคร มาจากไหน กำลังจะไปไหน ไปทะเลาะ หรือ ขับรถไปเฉี่ยวชนใครที่ไหนหรือเปล่า ตอนนั้นสติผมยังพอมี ก็ตอบไปเท่าที่จะตอบได้ อาการเวียนหัวจะเป็นลม เวลามันอยู่กับเรานาน ๆ นี่แย่เลยนะ แปลกใจตัวเองจริง ๆ ว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ งงจริง ๆ
ผมกับแฟนถูกพาไปที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เข้าห้องฉุกเฉินทำการรักษาพยาบาลแยกกันคนละที่ ของผมมีคนเอาอ็อกซิเจนมาครอบปากจมูกช่วยหายใจ เป็นการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ตอนนั้นผมเป็นห่วงแฟนเหมือนกัน อยากรู้ว่าแฟนเป็นยังไงมั่ง สอบถามทางพยาบาลก็บอกว่า "คนผู้หญิงน่ะ (เค้าหมายถึงแฟนผม) อาการหนักมาก น่าเป็นห่วง" ผมก็งงถามตัวเองตลอดว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นเครื่องหมายคำถามลอยคว้างอยู่กลางอากาศเต็มไปหมด ไม่รู้จะหาคำตอบได้ยังไง พอเริ่มมีสติ ได้พูด ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็รู้ว่า คนที่มาช่วยเหลือหิ้วปีกผมก็คือ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม เจ้าหน้าที่ที่ผมเคยแต่ประสานงานให้ช่วยคนอื่น คราวนี้ถึงคิวตัวเองโดนหิ้วปีกมั่งล่ะ อีกคนที่มาช่วยเหลือสอบถามข้อมูลจากผมจนได้ความว่าผมมีญาติอยู่ไหนมั่ง ติดต่อให้รีบมาเยี่ยมมาดูอาการ ถ้าผมจำไม่ผิด พี่เค้าคงเป็นนักข่าว รหัสวิทยุ พิราบ 5 ตอนนั้นไม่ได้จำชื่อพี่แกไว้ พี่นักข่าวแกมาสอบถามผมอยู่นานพอดู ตอนแรกแกนึกว่า ผมนี่แหละ ที่ขับรถเฉี่ยวชนรถคันอื่นแถวพระประโทน ถามไปถามมา แกมาสงสัยอีกว่า ผมกับแฟนคงจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาหรือเปล่า เลยนัดกันกินยาจะฆ่าตัวตาย พี่แกก็สอบถามหลายเรื่อง การคุยกับแกมันดีอยู่อย่าง มันทำให้ความคิดผมค่อย ๆ แล่น เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ การพูดกับพี่นักข่าว มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องรถใช้แก๊สเข้ามาอยู่ในหัวข้อสนทนาด้วย มันทำให้ผมคิดแว๊บเกี่ยวกับเรื่องแก๊สทันที "เออ รถเราติดแก๊ส lpg นี่หว่า ปรกติมันก็มีกลิ่นเข้ามาในรถอยู่แล้ว วันนี้มันเกิดมีเหตุน้ำขังแทรกเข้ามา รถเลยต้องค่อย ๆ คลานบนน้ำขัง มันอาจจะทำให้แก๊สเข้ามาในรถได้เยอะขึ้น จนผมกับแฟนที่นั่งสูดแก๊สเข้าไปตลอดเวลาเกิดอาการอย่างที่เล่ามาขึ้น มาคิดทบทวนอีกว่า วันนี้กินอะไรที่น่าจะทำให้เกิดอาการแพ้หนักอย่างนี้หรือเปล่า ผมกับแฟนก็ไม่ได้กินอะไรที่น่าจะก่ออาการซักอย่าง เท่านั้นแหละ ผมฟันธงไปเลยว่า อาการที่ผมเป็นเกิดจากการหายใจเอาแก๊สเข้าไปจำนวนมากนั่นเอง อาการของผมน่าจะเป็นอาการของคนขาดอ็อกซิเจน จนเกิดอาการวิงเวียนจะเป็นลมอย่างยาวนานขึ้น ถ้าพยายามหายใจแรง ๆ อัดอ็อกซิเจนเข้าไปเร็ว ๆ อาการน่าจะหายเร็วขึ้น ผมรีบทำทันที ก็เป็นจริงตามที่คิด เมื่อร่างกายขาดอ็อกซิเจน เราก็อัดอ็อกซิเจนเติมเข้าไปเร็ว ๆ ซะ อาการผิดปรกติก็จะลดหายไปเองอย่างรวดเร็ว ผมหายใจอัดเอาอ็อกซิเจนเข้าไปเร็ว ๆ พักเดียวอาการวิงเวียนลดหายไปเยอะ ผมรีบบอกลูกสาวที่มาเยี่ยม ให้ไปดูแม่แล้วบอกให้ทำอย่างผม ให้พยายามสูดหายใจเอาอ็อกซิเจนเข้าไปให้มาก ๆ อาการต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นเอง พอรู้สาเหตุของอาการแล้ว ผมก็สบายใจไม่กังวลอีกต่อไป ผมกับแฟนพักฟื้นอีกไม่กี่ชั่วโมง เวลาบ่ายของวันรุ่งขึ้น ผมกับแฟนก็กลับบ้านได้ ตอนกลับบ้าน ต้องไปเอารถที่ตำรวจเค้าช่วยเก็บเอาไว้ที่ที่เก็บรถของกลางของ สภ.เมืองนครปฐม ขับกลับบ้าน เวลาจะขับกลับบ้าน เกิดอาการวิตกจริตขึ้นเล็กน้อย ไม่กล้าขับรถปิดกระจก กลัวเดี๋ยวสูดแก๊สเข้าไปแล้วเกิดอาการขึ้นอีก แต่ก็ไม่ได้กลัวมากแล้ว พอรู้สาเหตุอะไรเป็นอะไรจริง ๆ เข้า ความกลัวก็เหลือน้อยแทบหมดไปเลย ถ้าบังเอิญเกิดเหตุการณ์แบบเดิมนี้ขึ้นอีก สามารถแก้ปัญหาด้วยการออกมาอยู่นอกรถซะก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องเอารถที่เป็นปัญหาไปเช็คระบบแก๊สใหม่ให้ปลอดภัยไว้ก่อน เดี๋ยวนี้ผมยังคงใช้รถคันที่เกิดปัญหานี้อยู่ ปัจจุบันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เรามาย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนต้นกันซักหน่อย ตามวันเวลาเกิดเหตุ ขณะผมปวดฉี่แล้วลงมาฉี่ เมื่อผมเปิดประตูรถออกมา ทำไมผมถึงเกิดอาการเวียนหัวจะเป็นลมอย่างยาวนานขึ้นมาทันที นั่นน่าจะหมายถึง ขณะที่ผมอยู่ในรถหายใจเอาแก๊สที่เล็ดรอดเข้าไปอยู่ในรถไปเรื่อย ๆ ร่างกายทั้งระบบยังทำงานไปตามปรกติ พอเปิดประตูรถปั๊บ ปริมาณแก๊สที่เราหายใจเข้าไปเบาบางลง มีอ็อกซิเจนเพิ่มเข้ามาในร่างกายมากขึ้นกระทันหัน ร่างกายรับรู้ความเปลี่ยนแปลงปรับตัวไม่ทัน เลยเกิดปฏิกิริยาเป็นอาการเวียนหัวจะเป็นลมอย่างยาวนานขึ้น อันเป็นอาการของคนตกอยู่ในภาวะขาดอ็อกซิเจน แต่ในขณะนั้น ผมไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า อาการจะเป็นลมเกิดจากการสูดแก๊สเข้าไป เพราะกลิ่นแก๊สก็มีไม่มาก แล้วอีกอย่าง ถ้าคุณอยู่กับกลิ่นอะไรก็ตาม แม้มันจะเหม็น พอคุณชินกับมัน หรือปรับตัวรับมันได้ เราจะไม่รู้สึกถึงกลิ่นนั้นอีก กรณีกลิ่นแก๊สในรถนี่ก็เหมือนกัน บางทีเราก็ได้กลิ่น แต่เราก็ไม่รู้ว่ากลิ่นมันมาจากใน หรือนอกรถ ไม่รู้ว่าแก๊สมันเล็ดรอดเข้ารถได้หรือเปล่า พอใช้รถได้กลิ่นมั่ง ไม่ได้กลิ่นมั่งนานเข้า ก็เลยชินจนเหมือนกับว่า ไม่ได้กลิ่นแก๊สอีกเลย ความที่ผมคุ้นชินกับกลิ่นแก๊ส ใช้รถคันนี้มานาน ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องแก๊ส เลยชะล่าใจไม่รู้เลยว่า มีแก๊สลอยอ้อยอิ่งรออยู่ในรถ ดันหวนกลับเข้าไปสูดแก๊สในรถใหม่อีกรอบ ทั้งผมทั้งแฟนช่วยกันหายใจเอาแก๊สเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดคุมสติไม่ไหวจึงไปจอดอยู่ในจุดสุดท้ายที่มีคนแจ้งตำรวจกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาช่วยนั่นเอง
ที่ผมบอกแต่แรกว่า ผมกับแฟนรอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย "พระเจ้าช่วย" นั้น ผมขอยืนยันว่าเป็นความจริง ถ้าพระเจ้าไม่ช่วย ปล่อยให้เหตุการณ์คงเป็นไปตามครรลองของมัน โอกาสที่ผมกับแฟนจะรอดนั้นมีน้อยมาก การรอดตายครั้งนี้ เป็นการรอดตายอย่างเหลือเชื่อ ผมดีใจที่ยังมีโอกาสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้คุณฟังด้วยตัวเอง ทำให้คุณได้รับข้อมูลความจริงอย่างครบถ้วนถูกต้อง" ผมจะแจกแจงรายละเอียดของเหตุการณ์ เหตุผลสนับสนุนต่าง ๆ ให้คุณฟัง แล้วคุณอาจจะคิดเหมือนผมว่า ทำไมผมกับแฟนถึงรอดได้อย่างไม่น่าเชื่ออย่างนี้
ถนนเพชรเกษมช่วงที่เกิดเหตุ เป็นถนนที่กว้าง มีช่องทางจราจรหลายช่อง ช่องทางข้างในเป็นทางหลัก ช่องทางข้างนอกเป็นทางคู่ขนาน โดยปรกติเวลากลางคืน มีรถจอดอยู่ข้างทางให้เห็นบ้าง แต่รับรองว่าไม่มีใครไปสนใจหรอกว่า รถคันนี้คันนั้นจอดทำอะไร ถ้าไม่ได้ไปจอดขวางใครเอาไว้ กรณีของผม ถ้าผมหมดสติตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่หลังตลาดปฐมมงคล หรือหมดสติอยู่ตามทางที่ผมขับรถผ่าน (พอผมขับรถจากจุดที่ผมฉี่หลังตลาดปฐมมงคล ฝืนขับรถต่อไปทางด้านหน้าตลาด จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยกไฟแดงทุ่งพระเมรุ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าบิ๊กซีมุ่งหน้าไปทางกรุงเทพฯ จนมาจอดเอาจุดสุดท้ายที่บอกนั่นแหละ) หรือขับรถเลยจุดที่รถจอดเสียแล้วกำลังซ่อมอยู่ไป ไปจอดริมถนนที่ว่างโล่งตรงไหนก็ได้ ในสภาพที่รถยังคงติดเครื่องอยู่ คุณคงนึกภาพมองเห็นจุดจบของเรื่องได้ไม่ยากใช่มั้ยครับ เช้าวันรุ่งขึ้น หรืออาจจะเป็นวันต่อมา จะมีคนผิดสังเกตว่า รถคันนี้ทำไมถึงจอดไม่ขยับไปไหนเป็นเวลานานแล้ว อาจจะเข้ามาตรวจสอบเอง หรือแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ผมกับแฟนก็จะต้องถูกพบว่า เสียชีวิตอยู่ในรถอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็จะพูดถึงสาเหตุกันไปตามสภาพที่เห็น เค้าจะพูดกันว่า ผมกับแฟนเนี่ย ขับรถไปธุระกันแล้วเกิดง่วง เลยจอดรถติดเครื่องไว้แล้วนอนหลับไปก็เลยเสียชีวิตทั้งคู่ (เรื่องแบบนี้มักพูดกันแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้แน่ชัดว่า สาเหตุการตายเกิดจากอะไร พอผมมาประสบเหตุด้วยตัวเองอย่างนี้ ผมรู้เลยว่า คนที่เสียชีวิตลักษณะนี้ ต้องเสียชีวิตเนื่องจากร่างกายขาดอ็อกซิเจนแน่นอน การติดเครื่องยนต์เอาไว้ มีวัตถุประสงค์คือให้เครื่องยนต์ช่วยหมุนเครื่องปรับอากาศรถ อากาศจะได้เย็นสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย แต่อย่าลืมว่า เครื่องยนต์ขณะที่มันทำงาน มันก่อเกิดแก๊สที่เป็นอันตรายต่อร่างกายขึ้นมาหลายอย่าง ทั้งคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนออกไซด์ หรืออาจมีแก๊ส lpg
Home About Contact Back on top
หน้าที่เข้าชม | 31,300 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 22,600 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 ก.ย. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |